วิธีสระผมไม่ทำร้ายหนังศรีษะและเส้นผม

วิธีสระผมที่ไม่ทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ

1. ควรหวีผมก่อนสระผม

การไม่หวีผมก่อนสระผมนั้น อาจทำให้เส้นผมพันกันจนยุ่งเหยิง ซึ่งหากมาหวีผมหลังจากที่สระผมเสร็จแล้ว จะยิ่งทำให้เส้นผมเปราะขาด หลุดร่วงง่าย

ผมเปียกทำให้รากผมอ่อนแอที่สุด เพราะเส้นผมจะพองตัวและพันกันง่ายที่สุด ก็คือเวลานี้ อีกทั้งหนังกำพร้าบนศีรษะจะยังเปิดอยู่  เมื่อเราหวีผมก็จะมีการเสียดสี หรือ หวีแรง หรือ หวีซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ ครั้ง จะทำให้หนังศีรษะได้รับความเสียหาย และผมขาดร่วงเป็นจำนวนมาก หากต้องการสางผมที่พันกันควรใช้หวีซี่ห่าง โดยค่อยๆ หวีเฉพาะปลายผมที่พันกันทีละช่อจะดีกว่า

2. ไม่ควรสระผมตอนกลางคืน

การที่เราสระผมในเวลากลางคืนนั้น สามารถทำได้ แต่ถ้าผมยังไม่แห้งสนิท จะทำให้ผมและหมอนอับชื้น เป็นสาเหตุขของรังแคและเชื้อราบนหนังศีรษะได้ และเป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้คุณตื่นมาพร้อมกับ เส้นผม จำนวนมากบนหมอนของคุณนั่นเอง

การรอให้ผมแห้งก่อน หรือ การเช็ดผม หรือ การไดร์ให้แห้ง แล้วค่อยนอนนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าจำเป็นต้องสระผมในช่วงเวลากลางคืนบ่อยๆ และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การรักษาความสะอาดของหมอน นำไปตากแดดบ้าง เพราะหมอนเป็นสิ่งที่สัมผัสกับเส้นผมและทางเดินหายใจเป็นเวลานาน ถ้าหมอนสกปรกก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายเราเช่นเดียวกัน

3. ควรสระผมด้วยน้ำอุ่นตามด้วยน้ำเย็น

ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่าควรสระผมทั้งน้ำอุ่นและน้ำเย็น โดยใช้น้ำอุ่นในช่วงแรกของการสระผม เพื่อเป็นการเปิดเกล็ดผม ให้แชมพู+ครีมนวดผมสามารถเข้าไปทำความสะอาดเส้นผมและหนังศรีษะได้อย่างเต็มที่ เมื่อลงครีมนวดผมเสร็จแล้วต้องการล้างออกให้ใช้น้ำเย็น เพื่อปิดเกล็ดผม และเป็นการกักเก็บความชุ่มชื้นที่ได้จากสารบำรุงให้คงอยู่

ข้อเสีย:
การสระผมด้วยน้ำอุ่น

ถึงแม้ว่าน้ำอุ่นจะช่วยขจัดน้ำมันบนหนังศรีษะและเส้นผมออกไป แต่การสระผมด้วยน้ำอุ่นบ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะธรรมชาติหนังศรีษะและเส้นผมนั้นจะมีการผลิตน้ำมันที่ดีออกมาด้วย เมื่อถูกชะล้างออกไปหมด ผมจึงเกิดการแห้งเสียและเปราะบางได้

การสระผมด้วยน้ำเย็น

ถึงแม้ว่าการสระผมด้วยน้ำเย็นจะดีกว่าน้ำอุ่น แต่ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าสระผมด้วยน้ำเย็นเป็นประจำจะทำให้ผมดูลีบแบน ดูบาง ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีสปริง

4. ควรนวดผมและหนังศรีษะ แทน การเกาหนังศรีษะและเส้นผมแรงๆ

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าการเกาหนังศีรษะ จะช่วยให้สระผมได้สะอาดมากขึ้น ซึ่งความจริงแล้วการเกาหนังศีรษะขณะสระผมนั้น นอกจากจะทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายแล้ว ยังอาจทำให้หนังศีรษะเป็นแผลและติดเชื้อได้ เนื่องจากในเล็บมือมีแบคทีเรียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อหนังศีรษะมีรอยขีดข่วนก็อาจทำให้ติดเชื้อได้ จึงควรเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วมือนวดวนหนังศีรษะเบาๆ แทน ซึ่งมีประโยชน์หลากหลายอย่างกับหนังศรีษะและเส้นผมของคุณอีกด้วย

5. ไม่ควรเช็ดผมแรงๆ

การเช็ดผมในลักษณะขยี้ๆ ผมด้วยผ้าขนหนูแรงๆ นอกจากจะทำให้ผมขาดหลุดร่วงมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ผมพันกันมากกว่เดิมอีกด้วย ดังนั้นหลังสระผมเสร็จ ควรใช้ผ้าขนหนูห่อเพื่อซับน้ำออกให้ได้มากที่สุดก่อน แล้วค่อยๆ แกะผ้าออกมา แล้วเป่าผมให้แห้งด้วยพัดลม หรือไดร์ก็ได้ นอกจากนี้ช่วงที่ผมเกือบแห้งสนิท ถ้าคุณต้องการหวีผมให้เริ่มจากช่วงนี้ เพื่อจัดแต่งทรงผม

6. การเลือกวันสระผม

ผมของแต่ละคนมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน การจะดูแลรักษาเส้นผมและหนังศรีษะนั้น จึงขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคนเป็นสำคัญ การสระผมนั้นเป็นการชะล้างสิ่งสกปรก และน้ำมันที่อยู่บนเส้นผมและหนังศีรษะ แต่ในขณะเดียวกันถ้า สระผมบ่อย ไม่ได้เป็นการกำจัดน้ำมันบนหนังศีรษะและเส้นผม แต่กลับเป็นการกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น นั้นจึงพอเป็นเหตุผลได้ว่า ทำไมเราไม่ควรสระผมบ่อยมากจนเกินไป

การสระผมที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ คือ คนมีเส้นผมหยาบ-หยิกควรสระผมสัปดาห์ละ 1ครั้งลดกระจายตัวนํ้ามัน คนหนังศีรษะปกติไม่มันไม่แห้งเกินไป ควรสระผมสัปดาห์ละ 1-2ครั้ง ส่วนคนที่เคยสระผมทุกวัน หรือ สระผมเว้นวัน ควรลดความถี่ในการสระผมลง ให้เหลือประมาณสัปดาห์ละ 2-3ครั้ง ช่วงแรกๆ อาจพบว่าผมมีความมันค้อนข้างมาก แต่ขอให้อดทนใช้เวลาพักใหญ่(นานเป็นเดือน) หนังศีรษะและเส้นผมก็จะเริ่มปรับสภาพได้ และทำให้ผมมันน้อยลง สุขภาพผมดีขึ้นและร่วงน้อยลง ลองพิสูจน์ดูจะเห็นถึงความต่าง

 

Shopping Cart